บทความ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2563
“จีนแดง” เพื่อนๆเคยได้ยินคำนี้กันบ้างไหมครับ ? เพราะมันเคยเป็นคำที่ใครๆต่างก็เคยเย้ยหยันสินค้า และผลิตภัณฑ์ของจีนว่าไม่มีคุณภาพ แต่ทุกวันนี้รู้หรือไม่ครับว่า ภาพจำเหล่านั้นแทบจะหายไปหมดแล้ว เพราะจีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเวทีโลก รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้ง
" วันนี้หากคิดจะลงทุนในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนล้อไปกับโลกอนาคต ทุกคนควรให้ความสนใจ มาเริ่มลงทุนในประเทศจีนกันได้แล้ว และนี่คือเหตุผลว่าทำไม ดินแดงมังกรแห่งนี้ ถึงน่าสนใจครับ ..... "
เวลาเปลี่ยน ยักษ์ใหญ่เปลี่ยน
Source : IMF, World Economic and Financial Surveys, World Economic Outlook Database, July 2016
ปัจจุบันหากพูดถึงชาติมหาอำนาจของโลก คงหนีไม่พ้น สหรัฐอเมริกา แต่เพื่อนๆทราบไหมครับว่าขนาดเศรษฐกิจของจีนได้ไต่ขึ้นมาใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐฯเรียบร้อยแล้ว โดยในปี 2019 GDP ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 21,428 Billion USD และ จีนมีขนาด 14,343 Billion USD คิดเป็นสัดส่วน 23% และ 15% ของโลกตามลำดับ
Source : IMF World Economic Outlook, October 2018
แต่เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตกลับพบว่า สหรัฐฯ มี GDP เติบโตเฉลี่ยปีละ 2% และ จีนที่ปีละ 6%
ถ้าเพื่อนๆลองจินตนาการเล่นๆว่า จีนสามารถรักษาศักยภาพในการเติบโตนี้ไว้ได้ อีกไม่นาน คงก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แน่ๆ ซึ่งคิดถูกครับ !!!
เพราะทาง IMF ก็คาดว่าภายในปี 2030 หรืออีก 10 ปีข้างหน้านี้ เราจะเห็นภาพที่ประเทศจีน ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแทนที่สหรัฐฯ
NEW ECONOMY พัฒนาถูกจุด โตยั่งยืน ยากที่จะโค่น
Source : UBS Asset Management, July 2020
ภายใต้การเติบโตดังกล่าว ประเทศจีนได้มีการวางแผน และปฏิรูปประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จนก้าวข้ามเศรษฐกิจรูปแบบเก่า มาเป็น การเติบโตที่เน้นการบริโภค และเทคโนโลยี หรือ NEW ECONOMY !!!! ทำให้ฐานรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ ขยับตัวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง เกิดการขยายตัวของเมืองใหม่ๆ
เมื่อคนมีรายได้มากขึ้น ความต้องการเพื่อจับจ่ายใช้สอย จึงเติบโตตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ ปัจจุบัน GDP ของจีนมีสัดส่วนมาจากการบริโภค และภาคบริการ สูงถึง 60% แล้ว
Source : World Intellectual Property Indicators 2019 - Patents
นอกจากนี้ จีนได้ให้ความสำคัญกับ R&D และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เป็นหัวใจหลัก เพราะเชื่อว่าผู้นำโลกอนาคต ไม่อาจเพิกเฉยสิ่งเหล่านี้ได้
โดยข้อมูลจาก WIPO หรือ World Intellectual Property Organization ระบุว่า จีนขึ้นแท่นจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา เป็นอันดับ 1 ของโลกแล้ว
หากสังเกตให้ดี นวัตกรรมเหล่านั้นอยู่รอบตัวเราทุกวัน !!! ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าครอบจักรวาลอย่างสุดล้ำในราคาเข้าถึงได้อย่าง Mi, โทรศัพท์มือถือแบรนด์ Huawei หรือ แอพพลิเคชั่นแชท แอพพลิเคชั่นช็อปปิ้งออนไลน์ และเกมส์ยอดฮิตต่างๆ เช่น Lazada, WeChat, Tik Tok ล้วนมาจากบริษัทฯสัญชาติจีนทั้งสิ้น เรียกได้ว่าพัฒนาถูกจุด โตยั่งยืน และยากที่จะโค่น
เม็ดเงินมหาศาลพร้อมเข้าตลาดจีน
Source : MSCI, Citi, Bank of America Merrill Lynch, Allianz Global Investors, as of Feb 2020
ตลาดจีนทั้งหมดนั้น มีจำนวนหลักทรัพย์มากถึง 5,000 ตัว คิดเป็น market cap. กว่า 12 Trillion USD ซึ่งใหญ่กว่า และมากกว่า Euro Zone ทั้งหมดรวมกันทั้งสองมุม แต่ มังกรทองตัวนี้ กลับถูกนำไปคำนวณใน ดัชนี MSCI AC World Index ไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ !!! ซึ่งไม่สอดคล้องเอาเสียเลยกับ GDP ที่มีสัดส่วนถึง 15% ของโลก
จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนที่ว่า ในอนาคต ยังไงเสีย ตลาดหุ้นจีนต้องถูกเพิ่มน้ำหนักลงไปอย่างแน่นอน ซึ่งก็คาดการณ์กันว่าภายในปี 2027 จีนจะถูกเพิ่มน้ำหนักลงไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากนักลงทุน และกองทุน ETF ต่างๆ พร้อมถาโถมเข้าสู่ตลาดจีน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงตรงนี้แล้ว คิดจะลงทุนทั้งที ไม่มีหุ้นจีนในพอร์ตได้ยังไงกัน !!!!
หากเพื่อนๆท่านใดสนใจข้อมูลกองทุนจีนเพิ่มเติม เข้าไปรับชมรีวิวกองทุนจีน กับรายการ Krungsri Capital FUND TALK ด้านล่างนี้กันได้เลย
หรือเลือกลงทุนผ่าน ENJOY Modelportfolio ของเราก็ได้นะ เพราะมีสัดส่วนในหุ้นจีนด้วยล่ะ
โดยเพื่อนๆสามารถเลื่อนลงไปดูรายละเอียดแผนด้านล่างนี้ ได้ทันที !!!!
